สมัยนี้คนเราใช้สมาร์ทโฟน แทปเลต กันมาก จึงหนีไม่พ้นกับการที่เราต้องมีแบตสำรอง (Power Bank) พกติดตัวตลอดเวลา เพื่อเวลาที่แบตสมาร์ทโฟน หรือ แทปเลตของเราแบตหมดจะได้ชาร์จได้เลยอย่างถ่วงที และสมัยนี้ แบตสำรองก็มีหลากหลายขนาด ตั้งแต่ เล็กไม่กี่พันมิลลิแอมป์ ไปจนถึงใหญ่หลายหมื่นมิลลิแอมป์ (mAh)
เมื่อต้องเดินทางโดยเครื่องบิน เราสามารถพกแบตสำรองขนาดไหนขึ้นไปได้บ้าง?
การขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ ไออาตา (IATA) มีกฎมาตรฐานความปลอดภัยเกี่ยวกับการนำแบตเตอรี่ขึ้นเครื่องบิน ดังนี้
- ห้ามนำ Power Bank ใส่กระเป๋าเดินทางโหลดใต้เครื่อง ให้ใส่กระเป๋าถือขึ้นเครื่องได้
- Power Bank ที่ใส่กระเป๋าต้องมีขนาดความจุไฟฟ้าไม่เกิน 32,000 mAh
- Power Bank ความจุไฟฟ้า 20,000 mAh (หรือน้อยกว่า 10,000 Wh) นำขึ้นเครื่องได้ไม่ระบุจำนวน
- Power Bank ความจุไฟฟ้า 20,000 - 32,000 mAh (หรือมากกว่า 160 Wh) นำขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 2 ก้อน
- Power Bank ความจุไฟฟ้ามากกว่า 32,000 mAh (หรือมากกว่า 160 Wh) ไม่ได้รับอนุญาตให้นำขึ้นเครื่อง
"แบตเตอรี่ลิเธียมที่ไม่ระบุความจุกระแสไฟฟ้า วัตต์-ชั่วโมง (Watt-Hour : WH) หรือขนาดบรรจุของลิเธียม (Lithium Content :LC)
หรือระบุไม่ชัดเจน ห้ามมิให้พาไปกับท่าอากาศยาน ไม่ว่าจะใส่ในสัมภาระติดตัวหรือสัมภาระลงทะเบียนก็ตาม"
หรือระบุไม่ชัดเจน ห้ามมิให้พาไปกับท่าอากาศยาน ไม่ว่าจะใส่ในสัมภาระติดตัวหรือสัมภาระลงทะเบียนก็ตาม"
ทำไมถึงไม่อนุญาตให้นำแบตเตอรี่สำรองโหลดใต้เครื่อง?
แบตเตอรี่ที่ทำงานจนเกิดความร้อนสูงเกินไป จะนำไปสู่การติดไฟและระเบิดได้ ซึ่งการควบคุมเพลิงในส่วนบรรทุกสัมภาระ (โหลดใต้เครื่องบิน) ไม่สามารถระงับไฟที่เกิดจากแบตเตอรี่สำรอง แม้ไฟเพียงเล็กน้อยก็สามารถลุกได้เช่นกัน แถมส่วนพลาสติกที่เคลือบด้านนอกยังหลอมละลายได้ง่าย ซึ่งอาจลามไปยังแบตเตอรี่และเกิดไฟไหม้ในวงกว้าง
‘แต่หากจากแบตเตอรี่ในกระเป๋าผู้โดยสารที่นำติดตัวขึ้นเครื่อง ทางลูกเรือยังพอสังเกตและเข้าระงับเหตุไว้ได้ทันและง่ายกว่า’
ดังนั้นการไม่อนุญาตให้นำแบตเตอรี่สำรองขึ้นเครื่อง ก็เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดการช็อตและติดไฟขณะอยู่บนเครื่องบินนั่นเอง
ที่มา : http://suvarnabhumiairport.com/th/doyouknows/15/the-large-capacity-of-mobile-external-charger-couldnt-bring-on-board